ความแตกต่างของการโค้ชและการบำบัด

การโค้ช

ให้ความสนใจที่การมองภาพไปข้างหน้า ความสำเร็จ และเรื่องปัจจุบัน และการเคลื่อนไปสู่อนาคต

วัตถุประสงค์ของการโค้ช
มักเป็นไปเพื่อการปรับปรุงการปฏิบัติงาน การเรียนรู้ หรือการพัฒนาในบางเรื่องของชีวิต

เหมาะสำหรับ
บุคคลที่มีสภาวะอารมณ์ปกติ และต้องการพัฒนากรอบความคิดเพิ่มทักษะต่างๆที่เหมาะสม

การรักษาทางจิตบำบัด

เน้นเรื่องสาเหตุความผิดปกติในทางจิตใจ (psychopathology) อารมณ์ต่าง ๆ และเรื่องที่เกิดในอดีตเพื่อที่จะเข้าใจปัจจุบัน

วัตถุประสงค์ของการบำบัด
การบำบัดใช้กับการพัฒนาทักษะเพื่อจัดการอารมณ์ต่าง ๆ เช่นเครียดสะสม อารมณ์รุนแรง หงุดหงิดง่าย
หรือปัญหาในอดีตมากกว่าการโค้ชมักจะดำลงไปหาปัญหาที่เกี่ยวกับอารมณ์ที่อยู่ลึกในจิตใจ เพื่อการรักษาส่วนบุคคลหรือการฟื้น
จากความชอกชํ้าในจิตใจ 

เหมาะสำหรับ 
บุคคลที่มีภาวะไม่ปกติทางความเครียดและภาวะอารมณ์ เช่น เครียดสะสม อารมณ์โมโห โกรธ เศร้า ในระดับที่มีความบกพร่องหรือสะสมต่อเนื่อง

ส่วนที่คล้ายคลึงกันของการโค้ชและการรักษาทางจิตบำบัด

 

การโค้ชเป็นเหมือนผู้ฝึกสอนทางด้านกีฬา ในขณะที่นักบำบัดเป็นเหมือนกับแพทย์
เฉพาะทางด้านการกีฬา ทั้งสองหน้าที่ใช้องค์ความรู้ที่เหมือนกัน ซึ่งประกอบด้วย กายวิภาคศาสตร์
วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวร่างกาย โภชนาการ และเรื่องอื่น ๆ ผู้ฝึกสอนกีฬาทำงานบนข้อสมมติฐานว่า
นักกีฬาจำเป็นต้องมีร่างกายที่ใช้การได้ดี และให้ความสนใจนักกีฬาในแง่ของการพัฒนาสมรรถภาพทาง
กายและผลการฝึกซ้อม ผู้ฝึกสอนจะส่งต่อนักกีฬาไปพบแพทย์ประจำทีมหากว่ามีเหตุที่เชื่อได้ว่านักกีฬาได้รับบาดเจ็บ ในลักษณะที่
คล้ายกันบรรดาโค้ชและนักบำบัดทำงานโดยอาศัยวัตถุดิบเดียวกันแต่ด้วยทักษะและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
โค้ชอาจสำรวจอดีต ชีวิตครอบครัว และอารมณ์ต่าง ๆ ของผู้รับบริการในการทำงานเพื่อการเข้าใจ
เรื่องราวต่าง ๆ อันเป็นที่มาของสิ่งที่ผู้รับบริการเล่าให้ฟังในปัจจุบันและอนาคต 

เพื่อช่วยให้ผู้รับบริการเกิดประโยชน์สูงสุด หากผู้รับบริการยกปัญหาต่าง ๆ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากระดับของความเชี่ยวชาญหรือขอบเขตการให้บริการของโค้ช โค้ชจะต้องการแสดงความรับผิดชอบเชิงจริยธรรมของโค้ชในการให้คำแนะนำส่งต่อให้กับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทันที