Zeigarnik Effect: ทำไมสมองถึงจดจำสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ?

Zeigarnik Effect: ทำไมสมองถึงจดจำสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ?

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงจำงานที่ยังทำไม่เสร็จได้ดีกว่างานที่ทำเสร็จแล้ว? หรือทำไมซีรีส์ที่ค้างตอนจบทำให้เรารู้สึกอยากดูต่อ? คำตอบอยู่ที่ Zeigarnik Effect ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่อธิบายว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะจดจำงานที่ยังค้างคาได้ดีกว่างานที่เสร็จสมบูรณ์


Zeigarnik Effect คืออะไร?

Zeigarnik Effect เป็นแนวคิดที่ถูกค้นพบโดยนักจิตวิทยาชาวรัสเซียชื่อ Bluma Zeigarnik ในช่วงปี 1927 จากการทดลองของเธอพบว่า คนมักจะจำงานที่ยังไม่เสร็จได้ดีกว่างานที่ทำเสร็จแล้ว เนื่องจากสมองของเรามีแนวโน้มที่จะค้างความสนใจไว้กับสิ่งที่ยังไม่สมบูรณ์

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ

  • ซีรีส์ที่จบแบบ Cliffhanger (ค้างคาตอนจบ) ทำให้คนอยากดูต่อ
  • รายการเกมโชว์ที่หยุดก่อนเฉลยคำตอบ ทำให้ผู้ชมติดตามตอนต่อไป
  • งานที่ยังทำไม่เสร็จทำให้เรารู้สึกอยากกลับไปทำต่อ

ทำไม Zeigarnik Effect ถึงเกิดขึ้น?

  • แรงกดดันจากความไม่สมบูรณ์ (Cognitive Tension)
    เมื่อเราทำบางสิ่งค้างไว้ สมองจะเกิดแรงกดดันที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ จึงพยายามจดจำสิ่งนั้นเพื่อกลับมาทำให้เสร็จ

  • การประมวลผลข้อมูลที่ยังไม่เสร็จ (Unfinished Processing)
    งานที่ยังไม่เสร็จจะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำระยะสั้นของสมอง ทำให้สามารถเรียกคืนข้อมูลได้ง่ายกว่าสิ่งที่ทำเสร็จไปแล้ว

  • กระตุ้นแรงจูงใจ (Motivation to Complete Tasks)
    ความรู้สึกว่ามีบางอย่างค้างอยู่ทำให้เรามีแรงผลักดันที่จะกลับไปทำมันให้เสร็จ


Zeigarnik Effect มีประโยชน์อย่างไร?

1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

หากคุณรู้สึกหมดไฟในการทำงาน ให้ลองเริ่มต้นงานใหม่โดยไม่ต้องทำให้เสร็จในคราวเดียว สมองจะจดจำว่ายังมีบางอย่างค้างอยู่ และกระตุ้นให้คุณกลับมาทำต่อ

2. ช่วยในการเรียนรู้และจำข้อมูล

เทคนิคการเรียนรู้ที่ใช้ Zeigarnik Effect คือการ หยุดพักระหว่างการอ่าน แทนที่จะเรียนรู้ทุกอย่างรวดเดียว เช่น อ่านบทเรียนแล้วหยุดก่อนจบบท จะช่วยให้สมองจดจำเนื้อหาได้ดีขึ้น

3. เพิ่มแรงดึงดูดในการเล่าเรื่องและการตลาด

นักเขียนและนักโฆษณาใช้ Zeigarnik Effect เพื่อดึงดูดความสนใจ เช่น

  • การใช้ โฆษณาที่ค้างคา ทำให้คนอยากรู้ตอนจบ
  • การเขียน พาดหัวข่าวแบบ Clickbait เพื่อให้คนกดอ่านต่อ

ผลเสียของ Zeigarnik Effect

แม้ว่า Zeigarnik Effect จะมีประโยชน์ในหลายด้าน แต่ก็อาจมีผลเสียในบางกรณีเช่นกัน ดังนี้

1. ความเครียดจากงานค้าง (Stress and Anxiety)

เมื่อมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ สมองจะรู้สึกกดดันให้กลับไปทำให้เสร็จ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียดหรือวิตกกังวล โดยเฉพาะเมื่อมีหลายงานค้างคา ซึ่งทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

2. การกระจายความสนใจ (Decreased Focus)

การที่สมองยึดติดกับงานที่ยังค้างอยู่อาจทำให้ยากที่จะโฟกัสกับงานอื่นที่ต้องทำ ทำให้เสียเวลาและทำงานหลายอย่างไม่สำเร็จในเวลาเดียวกัน (Multitasking)

3. ความรู้สึกไร้ประสิทธิภาพ (Feelings of Incompletion)

การมีงานค้างหลาย ๆ งานทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีอะไรหลายอย่างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่มีความสำเร็จหรือไม่มีความพึงพอใจในตัวเอง

4. การทำงานไม่จบสิ้น (Procrastination)

บางครั้งการคิดถึงงานที่ยังค้างคาอาจทำให้เกิดการเลื่อนเวลาทำงานออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่เริ่มทำใหม่ หรือการหลีกเลี่ยงงานนั้น เนื่องจากสมองรู้สึกว่ามันยากที่จะกลับไปทำให้เสร็จ

5. การขาดการผ่อนคลาย (Lack of Rest)

Zeigarnik Effect อาจทำให้สมองไม่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ เพราะงานที่ยังค้างอยู่จะคอยวนเวียนในความคิด ทำให้เสียสมาธิและไม่สามารถผ่อนคลายได้

6. ปัญหาการตัดสินใจ (Decision Fatigue)

เมื่อมีหลายสิ่งที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อาจทำให้สมองต้องทำการตัดสินใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือมีการกระตุ้นจากความค้างคานั้น จนทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและลดประสิทธิภาพในการตัดสินใจในเรื่องอื่น

7. เกิดภาวะหมดไฟ (ฺBurnout Syndrome)

Zeigarnik Effect อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะ burnout เมื่อสมองต้องรับภาระจากงานที่ยังทำไม่เสร็จ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีการจัดการที่ดี การมีงานค้างคาสามารถทำให้เกิดความเครียดสะสม การขาดการพักผ่อน และความรู้สึกไม่สำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่สามารถนำไปสู่การเกิด burnout ได้

 

จะใช้ Zeigarnik Effect ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร?

  • วางแผนการทำงานเป็นช่วง ๆ – หากต้องทำงานใหญ่ ให้แบ่งเป็นส่วนย่อยและเว้นช่วงระหว่างการทำงาน เพื่อให้สมองจดจำและกลับมาทำต่อได้ง่ายขึ้น

  • ใช้ในการตั้งเป้าหมาย – การตั้งเป้าหมายแบบไม่สมบูรณ์ (เช่น “ฉันจะลดน้ำหนัก 5 กิโลแต่ยังไม่กำหนดแผน”) ทำให้สมองผลักดันให้เราคิดหาวิธีทำให้สำเร็จ

  • ใช้ในงานสร้างสรรค์ – นักเขียน นักออกแบบ หรือศิลปินสามารถเว้นช่วงระหว่างการทำงานเพื่อให้สมองมีเวลาประมวลผลและคิดไอเดียใหม่ ๆ

  • หลีกเลี่ยงความเครียดจากงานค้าง – หากงานที่ยังไม่เสร็จทำให้รู้สึกเครียด ให้จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำไว้ สมองจะรู้สึกว่ามีการจัดการข้อมูลแล้ว และลดความกดดันลง


สรุป

Zeigarnik Effect เป็นหลักการทางจิตวิทยาที่อธิบายว่าทำไมสมองของเราถึงจดจำสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จได้ดีกว่า เราสามารถนำหลักการนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเรียน การทำงาน และการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกระตุ้นแรงจูงใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“สมองของคุณไม่ชอบความค้างคา – ใช้มันให้เป็นประโยชน์”

ปลดล็อคพลังความสำเร็จด้วยการฝึกสมาธิและการไหลลื่น

ทำให้คุณโฟกัสและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

สนใจสมัคร ติดต่อ Line @MindSpring

Leadership Well-Being Development Programs